The Magician นักเล่นกล คนที่มีสัมผัสที่ 6 หมอดู

uU

A human is kind one animal at is free from evil from the sorrow has whole ,

มนุษย์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้

เป็นคำกล่าวของ นักการตลาดมือระดับต้น ๆ ของเมืองไทย คุณเหมียว วรัดดา..เป็นคำพูดที่ดีมาก ๆ เพราะจริง ๆ ถึงเราจะเป็นหมอดูไพ่ยิปซี แต่สิ่งที่เราเชื่อและคิดอยู่เสมอก็คือ ไม่ใช่ดวงชะตาหรือพรหมที่ลิขิต ที่พาให้ทุก ๆ อย่างเข้ามาหา เราทั้งนั้นที่กำหนดให้เกิดความสุข ความทุกข์และการกระทำของตัวเราเองนั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเราเอง

** คุณเคยขับรถไปไหนต่อไหนโดยไม่ได้ตั้งใจแต่ยังอยากขับ ไม่อยากจอด หรือเมื่อขับรถโดยมีจุดหมายอยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่แล้วบังเอิญหลงทาง และกับไปเจอเหตุการณ์ที่เป็นคำตอบในสิ่งที่เคยอยากรู้มานานแสนนาน ซึ่งบางเรื่องลืมไปแล้ว หรือเหตุการณ์นั้นบอกเรื่องราวบางอย่างโดยที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน

แต่ก็เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจในเรื่องบางเรื่องที่คั่งค้างอยู่ในใจ และเกือบทุกครั้งทำให้คุณตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง และเกิดผลสำเร็จจากการตัดสินใจในครั้งนั้น .. เหตุการณ์เหล่านี้ เขาเรียกกันว่า ลางสังหรณ์หรือสัมผัสที่ 6..หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตคุณบ่อย ๆ คุณเชื่อเถอะว่า คุณเป็นคนที่มีสัมผัสที่ 6 แรงและหากคุณมายิปไพ่ทำนายดวงชะตาในเรื่องสิ่งที่คุณเป็นพื้นฐานดวงพื้นฐานนิสัยคุณจะต้องได้

ไพ่เดอะเมจิคเชี่ยน .. ใบนี้อย่างแน่นอน คุณเชื่อไหมว่า คนที่มีสัมผัสที่ 6 แรง คนที่สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ สามารถเป็นหมอดูได้ ไม่ว่าจะหมอดูไพ่ยิปซี หมอดูโหราศาสตร์ หมอดูไพ่ป็อก ฯลฯ เขาเหล่านั้นก็ต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า ลางสังหรณ์หรือสัมผัสที่ 6 ทั้งสิ้น แล้วสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร

จริง ๆ แล้วก็ไม่มีใครสามารถตอบได้แต่คำตอบที่น่าจะใกล้เคียงมากที่สุดก็คือพรสวรรค์ที่ติดตัวกันมาตั้งแต่เกิดนั่นเอง ..

** เราขอยกตัวอย่างผู้ที่เป็นหมอดูไพ่ยิปซี และมีเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น เกิดขึ้นจริง กับตัวเขาโดยที่แรกเลยเขาเองก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน..จนวันนึงมีคนหนึ่งคนบอกแล้วทำให้เขานึกได้ถึงสิ่งนั้นของตนเอง

คนนั้นก็คือ ตัวเรานั่นเอง .. อิอิ ..

** ตอนที่ดิฉันเรียนอยู่ ม.4 พี่สาวของเราเองชอบอ่านหนังสือและตัวเราเองก็เป็นคนรักการอ่าน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือที่อยู่นอกตำราทั้งสิ้น ยิ่งเรื่องราวลึกลับ สยองขวัญ สั่นประสาท ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ อ่านไปกลัวไป อ่านไปต้องสะกิดพี่สาวที่หลับอยู่ข้าง ๆ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนก็ทำอยู่ประจำ.. หนังสือเล่มนึงที่สาวเป็นคนริเริ่มซื้อมาอ่านคือ ตำราไพ่ยิปซี ของคุณขุนทอง อสุณี .. เมื่อชอบอ่านแล้วในตำราก็นำเสนอและสอนวิธีทำนายด้วย ก็เลยทั้ง อ่านทั้งลอง แล้วยิ่งอ่าน ยิ่งชอบ ยิ่งอ่าน ยิ่งขี้เกียจ ทำอย่างอื่น แต่คนอื่น ๆ แม้แต่ตัวพี่สาวเขาหยิบ เขาจับ สุดท้ายเขาก็วาง เราเอง ชอบถึงขั้นนำไปทายให้กับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนก็ทายกันเล่น ๆ สนุกสนาน ตอนนั้นังเด็ก ๆ แม่นไม่แม่น ทายได้ครบหรือไม่ครบ ก็ตื่นเต้นเฮฮากัน ก็เป็นกิจกรรมนึงที่นำมาคุยกันในวงเพื่อนฝูง ก็ทั้งแม่นบ้างไม่แม่นบ้างอาจเพราะตอนเป็นวัยรุ่น ประสบการณ์น้อย พลิกแพลงก็ยังไม่เป็นแต่เนื้อหาสาระ การค้นคว้าเพิ่มเติมก็ยังไม่มี คำทำนายอาจจะไม่ลงลึก รู้แต่เพียงคำทำนายตามตำราและยังต้องเปิดหนังสืออ่านอยู่บ้าง เนื้อหาแปลก ๆ ก็ยังไม่มี และก็ไม่ได้ศึกษาเล่มไหนเพิ่มเติม แต่ก็เอาเป็นว่าถึงขั้นหมกหมุ่นอยู่กับหนังสือเล่มนี้ เล่มเดียว กับไพ่สำรับนี้สำรับเดียวเลยไม่ว่า ปิดเทอมเปิดเทอม .. อิอิ ก็จับอยู่นานประมาณ 3 - 4 เดือนนะตำราแต่ก็หลังจากนั้นก็ไม่ต้องถือตำรา ถือแต่ไพ่ดูให้เพื่อนใกล้ ๆ ตัว ดูให้คนในบ้าน ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง มีไพ่อยู่ด้วยตลอด จนกระทั่งเอ็นทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ดู ๆ แล้วไพ่เหมือนเพื่อนสนิทเลย แต่ตอนแรก ๆ อยู่ปี 1 - 2 ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเราดูไพ่ยิปซีเป็น..แล้วก็ยังไม่คิดจะดูให้ใครนอกจากตนเอง..เพราะกลัวเขาจะบอกว่า ไม่แม่นเลยว่ะ ไม่เจ๋งเลย อิอิ****แต่มีอยู่วันนึง เป็นวันเริ่มต้นของการจุดประกาย มีเพื่อน ๆ ในกลุ่ม คุยกันว่า มีร้านเหล้าเล็ก ๆ ร้านนึง เจ้าของร้านดูไพ่ยิปซีเป็นและดูให้เพื่อน โดยคิดค่าครูแค่ 1 บาทโดยโยนเหรียญขึ้นไปบนหลังตู้ ก็แม่นพอสมควร คราวนี้หูผึ่งละซิ หรอ ที่ไหน อยากไป.. ใจจริง ๆ ตอนนั้น แค่อยากไปดูดวง และคิดแค่ว่าอยากรู้ว่าอนาคตของตนเองเป็นยังไงเรียนจะแย่หรือจะดี จะจบไหม คนที่ชอบอยู่จะสมหวังอ่ะเปล่า คิคิ แล้วก็เลยนัดกันไปกับเพื่อน ๆ ว่าจะไปนั่งทานข้าวที่ร้านพี่เค้า ตอนนั้นเหล้าเราเองยังไม่สันทัดและคิดว่าจะไปนั่งแล้วขอให้พี่เค้าดูให้ แต่พอไปถึงปรากฏว่า ไม่ต้งร้องขอ

****** เพราะพี่เค้าดูให้ โดยเสียค่าครู 50 บาท ซึ่งก็โดนกันไปเต็ม ๆ ตาม ๆ กัน ******

หลังจากดูให้เพื่อนทั้ง 2 คนพี่ป้อมเจ้าของร้านและหมอดูไพ่ยิปซี ก็ดูให้เรา .. หลังจากที่ หยิบไพ่ครบ 10 ใบ ในครั้งแรก ( ตอนนั้นจำไม่ได้จริง ๆว่าดู 10 ใบทั้งหมดกี่ครั้ง ) แต่ที่ประทับอยู่ในความทรงจำมากที่สุด ก็คือการเปิดไพ่ครั้งแรกนั่นเอง เพราะว่าพอไพ่เปิดออกมา ใบแรกที่ได้คือ The MaGiCian พี่ป้อมเห็นยังทักว่า

พี่ดูไพ่ยิปซีให้กับหลาย ๆ คนมา อืม ดูมา 100 กว่าคนแล้วนะ ยังไม่เคยมีใครได้ไพ่ใบนี้เป็นในแรกเลย มีเรานี่แหละคนแรก เราเป็นหมอดูได้นะ เรียนไพ่ยิปซีซิ มีสัมผัสที่ 6 แรงนะ และไพ่ส่วนอื่น ๆ ที่จับมาวันนั้นค่อนข้างดี เพราะเท่าที่ดูก็พอจะจำไพ่ได้ว่าไพ่ใบไหนมีความหมายในด้านใด ๆ แต่ไพ่เดอะเมจิคเชี่ยนเนี่ย เราเองก็แปลกใจนะ ทำไมบังเอิญจังที่ได้ไพ่ใบนี้เป็นใบแรก .. เหมือนกับไม่สามารถโกหกอะไรได้เลย เพราะจริง ๆ ในความหมายของไพ่ถ้าคิดกันให้ดีๆ ก็แปลว่า ตัวคุณก็ดูไพ่ได้ คุณก็เป็นหมอดูจะมาดูกับเค้าทำไมและพี่ป้อมในวันนั้นก็คงไม่ได้คิดว่าเรามาลองของเพราะไม่ได้คิดว่าเราเป็นหมอดูแม้แต่สมัครเล่น แต่ที่พี่เค้าทักและแนะนำก็เพื่อให้เราลองศึกษาดูนะ จะได้เป็นอาชีพเสริมให้กับตนเอง... วันนั้นกลับมาก็มาคิด เออ จริงแหะ ไพ่เนี่ยแม่นนะ พึ่งจะมาคิดได้ว่า ที่เรานั่งศึกษาอยู่นั่งศึกษามาตลอดเนี่ยมีความหมายนะ สิ่งนั้นจริง ๆ อยู่กับเราแล้ว เราสามารถทายให้คนอื่น ๆ ได้รวมถึงเพื่อนๆในมหาลัยแต่เราเองยังไม่มั่นใจในตนเอง จนได้คำตอบจากพี่ป้อม ทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาและดูให้กับเพื่อน ๆ หลังจากนั้น แต่อีกเรื่องที่ได้ก็คือ ถ้าคุณคิดว่าคุณจะไปดูดวงที่ไหน โดยเฉพาะไพ่ยิปซี หากไพ่ทักอะไรออกมา คุณจะไม่สามารถปฏิเสธไพ่ได้เลยว่าเรื่องนั้นคุณได้ทำไปแล้วจริงๆ หรือมันอยู่กับคุณแล้วจริง ๆ คุณโกหกใครก็โกหกได้แม้แต่หมอดูแต่คุณโกหกไพ่ไม่ได้จริง ๆ

*** อยากจะบอกคุณว่า ...อย่าเสี่ยงถ้าไม่อยากให้ใครแม้แต่หมอดูรู้ความลับคุณ ...เพราะไพ่บอกได้ด้วยว่าตอนนี้คุณคิดอะไรอยู่ ดี หรือ ไม่ดี ***

**** การทำนายในด้านดีมาก ๆ อีกอย่างนึงของผู้ที่ได้ไพ่ใบนี้ก็คือ เป็นคนที่มีความคิดหลากหลาย คิดอะไรได้มากมายกว่าคนอื่น ๆ แต่ควรคิดแล้ววางแผนงาน คิดแล้วให้คนอื่นเป็นผู้กระทำ คุณรู้ไหมว่า คุณอาจจะคิดให้ผู้อื่นพอเค้ากลับไปทำ คนนั้นอาจจะรวยไปเลย ถ้าคุณได้ไพ่ใบนี้โดยเฉพาะในตำแหน่งเจ้าชะตา คุณจะเป็นคนที่มองอะไรได้ลึกซึ้ง สามารถคิดหาเหตุผล และคำอธิบายในเรื่องที่รู้ได้อย่างละเอียด ดังนั้นหากอยากให้เกิดผลเลิศ ผลสำเร็จ คุณต้องเป็นนักคิด แล้วให้คนอื่นไปกระทำ เพราะคุณจะได้มีเวลาคิดให้มากขึ้น แค่ความคิดของคุณเองก็มีโอกาศสำเร็จเกิน 70 % แล้วหากเลือกทีมงาน หรือผู้ปฏิบัติงานดี ๆ คุณต้องได้ความสำเร็จ 100 % แน่นอน..**** การทำนายในเรื่องของพื้นฐานจิตใจ พื้นฐานดวง สำหรับผู้ที่หยิบได้ไพ่ใบนี้ก็คือ บางครั้งก็ทำอะไรโดยที่ไม่มีใครคาดฝันได้ มีโลกส่วนตัวสูง ชอบอยู่เงียบ ๆ บางครั้งก็ หวั่นไหวเกินเหตุ .. แต่ทุกเรื่องที่กล่าวมา หากรู้เท่าทันก็จะอยู่กับเรื่องเหล่านั้น อย่างมีสติและพอเพียง .. ไพ่ใบนี้จะค่อนข้างมีเรื่องราวที่ยาวในด้านพื้นฐานจิตใจ และเอกลักษณ์ในตนเอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากันไม่ว่าจะเรื่องงาน เงิน รัก เหตุการณ์ ที่จะตอบคุณได้ว่าเป็นแง่ใด มุมใด เมื่อหยิบไพ่ใบนี้

**** เรื่องของความรัก หากคุณจับได้ไพ่ใบนี้ นั่นหมายถึงว่า คุณเป็นคนที่มีความรักที่ค่อนข้างดี สมบรูณ์ หากถามถึงคนรักปัจจุบันก็น่าจะเป็นการตอบที่ว่า คุณสองคนนะ เริ่มรักกันแบบเพื่อนจะเลิกรักกันยากส์ จะว่าเป็นคู่แท้ ก็สามารถตอบได้เช่นกัน ส่วนความคิดและเหตุผลในการเลือกคู่ของคุณก็มีค่อนข้างสูง เพราะคุณใช้ 6Sense ในการเลือกคู่ ถ้าคุณสัมผัสว่าไม่ใช่ ไม่ว่าจะสมบรูณ์พร้อมแค่ไหน คุณก็จะไม่สานต่อแน่นอนแต่หากว่า ความรู้สึก6Sense ของคุณบอกว่าใช่ คุณก็พร้อมที่จะเสี่ยงทันที

****หากคุณถามเกี่ยวกับเรื่องฐานะทางการเงินไพ่สามารถตอบคุณได้ว่า คุณน่ะหาเงินเก่งแต่ก็ใช้เงินเก่งไม่เบา แต่คุณเองก็มักจะหาเหตุผลมารองรับว่า คุณซื้อไปด้วยเหตุผล มันคุ้มค่าแล้วกับสิ่งที่ทำ แต่ของที่คุณซื้อก็มีหลายสิ่ง หลายอย่างมากมาย แต่หากดูกันดี ๆ สำรวจกันดี ๆ แล้วก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานหรือสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มากที่สุด

หากคุณมีคำถามในเรื่องการงาน ในช่วงที่คุณมาเปิดไพ่ตอนกำลังจะเรียนจบ ว่าในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้คุณจะได้งานประเภทไหน หรืองานใดที่เหมาะกับคุณ จากความหมายของไพ่สามารถตอบคุณได้เลยว่า คุณจะได้งานไม่ตรงกับที่เรียนมา...แต่หากคุณทำงานอยู่แต่อยากเปลี่ยนงาน ไพ่สามารถตอบได้ว่า กำลังจะได้งานที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน แต่ทำไปแล้วจะดีอย่างไม่คาดฝัน ... และหากคุณได้งานที่ใหม่หรือกำลังจะเริ่มกิจการใหม่ และอยู่ในช่วงกำลังจะตัดสินใจ ว่าควรจะทำงานหรือกิจการชิ้นนี้หรือไม่ ... ไพ่บอกคุณว่าทำไปเลยคะ เสี่ยงไปเลยสำเร็จแน่นอนและคุณจะได้เรียนรู้ หรือได้ความรู้ เรื่องใหม่ ๆ ซึ่งเป็นประโยชน์กับคุณในระยะยาวด้วย ... และหากถามเรื่องเสี่ยงทาย และ หยิบได้ไพ่ใบนี้ คำตอบก็คือ ได้ ค่ะ ...

สำหรับความหมายในด้านเทพ ที่ท่านผู้อ่านบางคนเชื่อและศรัทธาในเรื่องเทพ เทพองค์นี้ก็คือ พระพิฆเณศ-

ขอเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับพระพิฆเณศให้ฟังนะ ( เรื่องนี้พูดได้ว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล พิจารณากันเอาเอง แต่ก็พูดต่อได้อีกว่า ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่)

ตอนนั้นจบปี 4 แล้ว จบหมาด ๆ คือ จบ 3 ปีครึ่งแต่ว่าเทอมที่ 2 เนี่ยเราลงเรียนมัคคุเทศน์ต่อเพื่อขอให้ได้ใบประกาศเพื่อจะนำมาทำบัตรไกด์ได้ ช่วงนั้นค่อนข้างสนิทกับอาจารย์ จิราภรณ์ อาจารย์เอกประวัติศาสตร์ เมื่อพูดถึงชื่ออาจารย์ ทุก ๆ คน จะแปลความหมายเป็นภาษาไทยได้ว่า โหด เคี่ยว ดุ ด่า ฯลฯ และอีกหลายๆ ความหมายที่ทำให้ ขนลุกได้ แต่ไหงไปสนิทกับท่าน ณ ตอนนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือน อิอิ สงสัยจะเป็นเพราะไพ่ยิปซี อาจารย์ให้เข้าไปดูที่บ้านอาจารย์ ตั้งแต่การดูครั้งแรก อาจารย์ก็พูดให้ ขนลุก ขนพอง จริง ๆ แล้วอาจารย์ เป็นคนที่นุ่งขาว ห่มขาว เชื่อในเรื่อง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นเราเอง ก็ได้ยินมา และเชื่อในเรื่อง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่ามีจริง แต่ออกแนว เชื่อและกลัว มากกว่าจะเคารพและศรัทธาและไม่เคยรู้จักเทพ องค์ไหน ๆ มากไปกว่าพระพุทธเจ้า .. เรื่องที่อาจารย์พูดก็คือ ขณะที่เราดูไพ่ให้กับเพื่อนขงอาจารย์อีกคนนึงนั้น .. อาจารย์จิ ทักขึ้นมาว่า .. กันทิมา เธอรู้ไหมว่า มีใครมานั่งฟังเธอทายน่ะ นั่งติดกับเธอเลย ใครหว่า ( เอิ้ก ๆๆ โอมายกอด OMG อาจารย์ค่ะ ไม่ต้องเหลาก็อได้ค่ะ หนูยังไม่ค่อยอยากรู้เลยค่ะ อยู่ดี ๆ พูดให้ขนลุกสะนี่ตอนนั้นทบทวนอาการที่เกิดในร่างกายตนเอง ก็คือ ขนลุกจากความกลัว ไม่ใช่ปวดท้อง ปวดไส้ แน่นอน อุอุ ) พอทายจบ อาจารย์พูดว่า .. กันทิมา เธอบูชาพระพิฆเณศนะ ท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จ เธอรู้จักท่านไหม เราก็ตอบอาจารย์ไปตรง ๆ เลยว่า ไม่รู้จักค่ะ เป็นยังไงค่ะ ท่านอาจารย์ก็ชี้ให้ดูรูปพระพิฆเณศที่ท่านบูชาอยู่ เราก้อคิด อ่อ เป็นอย่างนี้นี่เอง ท่านดูแปลกตาดีนะ ไม่เคยเห็น เพราะเศียรท่านเป็นช้าง .. ตอนนั้น เรื่องที่ให้คำตอบอะไรก็ไม่มี และก็เราเองไม่มีคำถามในใจเช่นกัน ถามอยู่เรื่องเดียวว่า อาจารย์ค่ะ อาจารย์จะพูดทำไมเนี่ย แล้วพระพิฆเณศเนี่ยผีหรือเปล่าก็ไม่รู้ อุอุ แต่หลัง ๆ มาก็มาทราบว่าพระพิฆเณศคือเทพให้พรด้านความสำเร็จ แต่ก็ยังไม่ได้หามาบูชาจนบังเอิญปี 49 ไปได้มา แต่เมื่อปี 50 จากหลายๆ ปี ผ่านไป นับได้ว่า 14 ปีพึ่งมานั่งทบทวน ตอนปลายปีเนี่ยแหละว่า ทำไมอาจารย์ถึงให้บูชาพระพิฆเณศ แล้วจาก 6Sense จากความเชื่อและศรัทธาของเราเองนะ ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มาฟังเราทาย ณ วันนั้นก็คือพระพิฆเณศ ... จริง ๆ เวลาก็ค่อนข้างยาวนาน จากวันนั้นเพราะตั้ง 14 ปี แต่ก็พึ่งได้คำตอบ แต่มันไม่ได้เป็นคำถามที่ทำให้นั่งคิดถึงทุกวัน แต่มันเป็นคำถามที่ฉุกคิดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสมพร้อมคำตอบที่เราเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่มันเป็นความเชื่อความศรัทธา ที่ห้ามกันไม่ได้จริง ๆ ......

บทสวดพระพิฆเณศ ในทางศาสนาฮินดูเชื่อกันว่าพระพิฆเณศเทพเจ้าแห่งความสำเร็จและขจัดอุปสรรค เป็นเจ้าแห่งเทพทั้งปวง ... ก่อนจะขอพร หรือบูชาเทพ องค์อื่น ๆ ต้องบอกกล่าวพระพิฆเณศก่อนทุกครั้ง .. แต่ก่อนจะสวดบูชาพระพิฆเณศ ควรสวดบูชาพระพุทธเจ้าด้วยการท่อง

นโมตัสสะ ทั้งสิ้น 3 จบก่อนทุกครั้ง

โอมศรีคเณศายะ นะมะ ฮา 3 จบ หรือ โอมกัง กัณนะปะตะเย นะมะฮา 3 จบ

การบูชาใช้ธูปทั้งสิ้น 9 ดอก การขอพรใช้ธูปทั้งสิ้น 16 ดอก และธูปควรเป็นธูปแขก หรือธูปดำ

ของบูชา ผลไม้ เช่น กล้วยน้ำว้า อ้อย ขนมต้ม ผลไม้มงคลทุกชนิด , น้ำ นมสด นมเปรี้ยว

เมื่อธูปหมดอาหารทุกชนิดที่บูชาสามารถนำมาทานได้ และก่อนนำมาทานให้พูดว่า

เสสัง มังคลายาจามะ เพื่อที่จะสามารถนำมาทานได้หลาย ๆ คน

** โปรดจำไว้ว่าการขอพรเทพใด ๆ ของท่าน ท่านสามารถขอได้นานัปการและพรเหล่านั้นจะสามารถสำเร็จได้ ด้วยเช่นกัน จากความตั้งใจ ซื่อสัตย์ และพยายาม ของผู้ขอทั้งสิ้น

** Please remember , Begging for blessing from which God , You can beg for multifarious, and those blessing can succeed also with , from the intention , honesty , try , from person beg for whole .