ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า การทำบุญมี 3 วิธี คือ
(1) การให้ทาน (ให้บุญน้อยที่สุด )
(2) การถือศีล (ให้ผลบุญมากกว่าทาน)
(3) การเจริญภาวนาหรือการนั่งสมาธิ (ให้ผลบุญมากกว่าศีล)
(ย่อ ๆ คือ ทาน ศีล ภาวนา)
1.การให้ทานเป็นข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลา ประโยชน์แก่คนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล เพียง 1 ครั้ง
2.การให้ทานเป็นโบสถ์ วิหาร ศาลา โรงเรียน โรงพยาบาล 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การให้ การสอนธรรมะเป็นทาน การแจกหนังสือธรรมะ (หรือเรียกว่า "ธรรมทาน")เพียง 1 ครั้ง
3.การให้ธรรมทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า "การให้อภัยทาน" เพียง 1 ครั้ง
** การให้อภัยทานเป็นบุญสูงสุดเหนือการให้ทานทั้งปวง แต่ก็ยัง ส่งผลบุญน้อยกว่าการถือศีล**
4.การให้อภัยทาน 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การถือศีล 5 เพียง 1 ครั้ง
(ศีล 5 = ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่พูดปด ไม่ดื่มเหล้า )
5.การถือศีล 5 = 100 ครั้ง บุญยังน้อยกว่า การนั่งสมาธิภาวนา แม้เพียงไก่กระพือปีก 1 ครั้ง หรือช้างกระดิกหู 1 ครั้ง (บางคนทั้งชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้นั่งสมาธิเลย)
** แต่เกิดมาในชีวิตต้องทำให้ครบทั้ง 3 อย่าง คือ ทาน - ศีล - ภาวนา **
- เพราะถ้าเราได้แต่นั่งภาวนา เพื่อให้ได้บุญสูงสุด แต่ไม่ยอมทำทาน เกิดไปชาติหน้า เราจะเกิดเป็นคนมีปัญญา แต่ยากจนเพราะไม่เคยให้ทาน
- ถ้าเราได้แต่ให้ทาน แต่ไม่ถือศีลและไม่เจริญสมาธิภาวนา เกิดไปชาติหน้า เราจะเป็นคนรวยที่ไร้ปัญญา ในไม่ช้าทรัพย์สินก็หมดไป
** การทำบุญกับผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ เช่นพระมหากษัตริย์ พระอรหันต์ บิดา มารดา หรือบุคคลที่มีศีลมากจะให้อานิสงส์มากกว่าการทำบุญกับผู้ที่มีศีลน้อย
**พ่อแม่ เปรียบเสมือนพระอรหันต์ เด็กที่ทำบุญและกตัญญูต่อพ่อแม่ จะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ คิดเงินก้ไหลนอง คิดทองก็ทองไหลมา
( สรุปย่อมาจากหนังสือของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายกสมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น